ภูกระดึงความสวยงามของธรรมชาติที่มาพร้อมกับความท้าทาย

ภูกระดึงเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งหนึ่งที่เป็น อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 2 ของประเทศไทยเป็นป่าเขาที่มีความสูงประมาณ 400-1,200 เมตร และมีเนื้อที่พื้นป่าอยู่ที่ 348.12 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 217,575 ไร่ ถือได้ว่าเป็นป่าเขาที่มีความสูงและมีเนื้อที่ที่กว้างอยู่พอสมควร อีกทั้งยังมีจุดชมวิวอีกหลายจุดและมีสัตว์ป่าพื้นพันธ์ไม้นานาชนิด ที่สำคัญยังมีน้ำตกอีกด้วย จึงไมแปลกใจที่สถานที่แห่งนี้เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวและนักผจญภัยเป็นจำนวนมาก และยิ่งไปกว่านั้นหากได้มาในช่วงฤดูหนาวก็จะสร้างความท้าทายเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย เพราะสถานที่แห่งนี้ในช่วงฤดูหนาวจะมีอุณหภูมิต่ำสุดถึง 0 องศาเซลเซียส สร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวและเพลิดเพลินไปกับการนอนเต้นกลางป่าอีกด้วย การที่จะมาภูกระดึงให้ถึงนั้นจะต้องทำตามที่ทางอุทยานชาติแนะนำ นั้นก็คือจะต้องใช้เวลาในการเดินเขาเป็นเวลา 2 วัน 2 คืนเต็มและต้องไปให้ถึงจุดพักละจุดชมวิวต่างๆในเวลาที่เหมาะสมที่ได้กำหนดไว้ จะทำให้การมาเที่ยวภูกระดึงนั้นคุ้มค่ามากขึ้น เนื่องจากแต่ละจุดของภูกระดึงจะมีสถานที่ที่ต้องใช้ช่วงเวลาเป็นตัวช่วย เช่น ชมพระอาทิตย์ตก ณ ผาหมากดูก ชมสระอโนดาตในช่วงยามเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกดิน กางเต้นนอน ณ วังกวาง เป็นต้น
จากนั้นเดินมาให้ถึง ผาหล่มสัก ที่เป็นผาที่มีวิวโดยรอบที่สวยงามเหมาะกับการถ่ายรูปและจากนั้นเดินไปให้ถึงน้ำตกเพื่อแวะอาบน้ำและเล่นน้ำ เสร็จแล้วก็เดินตามหาใบ 3 แฉก หรือมีชื่อทางการว่า ใบเมเปิ้ลแดง ลักษณะจะเป็นเหมือนคล้ายๆใบโพแต่มีแฉกถึง 3 แฉก อีกทั้งยังมีความโดดเด่นเพราะมันมีสีแดงที่สวยงาม ต่อมาก็เดินไปให้ถึง ผาล่มสัก ผาที่มีพระพุทธรูปปางสมาธิเพื่อมาขอพรและสักการะบูชา ว่ากันว่าผ่านี้ไม่มาถือว่ามาไม่ถึงอีกด้วย จากนั้นก็พักผ่อนที่วังกวาง เพื่อที่จะตื่นแต่เช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผา นกแอ่น ถือว่าเป็นผาสุดท้ายของการเดินทางก็ว่าได้ทั้งนี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะไม่พลาดถ่ายรูปคู่กับป้าย ภูกระดึงก่อนกลับ โดยป้ายจะมีข้อความที่มีใจความว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง